
การขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้มาโดยทางอื่น ที่มิใช่มรดก หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมาจากการให้โดยเสน่หา
1. เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา
40(8) แห่งประมวลรัษฎากร
คำว่า “ขาย” ตามประมวลรัษฎากร มีบทนิยามศัพท์ตามมาตรา 39
แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติ ไว้ดังนี้
“ขาย” หมายความรวมถึง ขายฝาก แลกเปลี่ยน ให้
โอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์
ไม่ว่าด้วยวิธีใด และไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่ แต่ไม่รวมถึง
(1) การให้ การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยไม่มีค่าตอบแทนหรือการแลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์กับส่วนราชการ
หรือรัฐวิสาหกิจที่มิใช่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเฉพาะในกรณีที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจนั้นมิได้มีการจ่ายค่าตอบแทนเป็นอย่างอื่น
นอกจากอสังหาริมทรัพย์ที่แลกเปลี่ยนนั้น (พระราชกฤษฎีกาฯ
(ฉบับที่ 121 ) พ.ศ.2525)
(2) การโอนโดยทางมรดกให้แก่ทายาทซึ่งกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์
2.
ราคาขาย
หมายถึงราคาขายอสังหาริมทรัพย์ที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดขึ้น
ในกรณีโอนกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์โดยมี
หรือไม่มีค่าตอบแทน ไม่ว่าราคาที่ซื้อขายกันตามปกติ
ในท้องตลาดของอสังหาริมทรัพย์นั้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม
โดยถือตามราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้นตามมาตรา 49 ทวิ
แห่งประมวลรัษฎากร
3. จำนวนปีที่ถือครอง หมายถึง จำนวนปีนับตั้งแต่ปีที่ได้กรรมสิทธิ์หรือ
สิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ ถึงปีที่โอนกรรมสิทธิ์หรือ
สิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์นั้น
ถ้าเกินสิบปีให้นับเพียงสิบปี และเศษของปีให้นับเป็นหนึ่งปี (นับตามปีปฏิทิน)
4. การหักภาษี ณ ที่จ่าย เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางอื่น
ที่มิใช่มรดก
หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับมาจากการให้โดยเสน่หา ให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฏีกา(ฉบับที่
165) เหลือเท่าใดถือเป็นเงินได้สุทธิ แล้วหารด้วยจำนวนปีที่ถือครอง
ได้ผลลัพธ์เป็นเงินเท่าใด ให้คำนวณภาษีตามอัตราภาษีเงินได้ ได้เท่าใดให้คูณด้วยจำนวนปีที่ถือครอง
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเงินภาษีที่ต้องเสียตามมาตรา
50(5)(ข) และมาตรา 48(4)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
5. กรมสรรพากร ได้มีการแนะนำสำหรับ การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และอากรแสตมป์ กรณีการขาย
การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่
ป.100/2543 ลว. 24 พ.ย. 2543
คำเตือน ในกรณีที่อสังหาริมทรัพย์ที่ขายไม่เข้าหลักเกณฑ์การยกเว้นการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะท่านต้องชำระภาษี
ธุรกิจเฉพาะด้วย
และในกรณีที่ชำระภาษีธุรกิจเฉพาะท่านไม่มีหน้าที่ต้องเสียอากรแสตมป์แต่อย่างใด

Last Update : Monday, November
17,
2008